ทำความรู้จัก “อาหารยุโรป” มรดกวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในทุกเมนู

เมื่อพูดถึง “อาหารยุโรป” หลายคนอาจนึกถึงพิซซ่าจากอิตาลี ครัวซองต์จากฝรั่งเศส หรือขาหมูเยอรมันเป็นหลัก แต่ในความจริง อาหารต่างประเทศจากทวีปยุโรปนั้นมีความหลากหลายและลึกซึ้งมากกว่าที่ใครหลายคนคิด ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี ผสมผสานกับภูมิอากาศและวัตถุดิบที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ทำให้เกิดวัฒนธรรมสากลด้านอาหาร ที่น่าหลงใหลและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

มาดูกันว่าอาหารยุโรปนั้นมีความโดดเด่นอย่างไร อาหารในแต่ภูมิภาคต่างกันมากน้อยเพียงไหน พร้อมรู้จักกับเมนูอาหารเด่นจากประเทศในยุโรปที่ต้องลิ้มลอง

แม้ว่าอาหารยุโรปจะมีความหลากหลายตามแต่ละประเทศและภูมิภาค แต่ก็มีลักษณะร่วมที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้

• วัตถุดิบหลัก

อาหารยุโรปส่วนใหญ่มีวัตถุดิบพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน โดยมีแป้งสาลีเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของขนมปัง พาสต้า หรือขนมอบต่างๆ อีกทั้งมันฝรั่งและพืชหัวก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่พบได้ทั่วไปในเมนูจากยุโรป โดยเฉพาะเมนูในแถบยุโรปเหนือและตะวันออก

• เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม

อาหารจานหลักจากประเทศแถบตะวันตก มักจะมีเนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ หรือสัตว์ปีก ประกอบกับผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส เนย และครีม ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในการปรุงอาหารและรับประทานเป็นอาหารว่าง

• ศิลปะแห่ง “ซอส”

หนึ่งในความน่าสนใจของอาหารจากแถบยุโรป คือ การใช้ซอส โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงด้านซอสแม่ (Monther Sauce) ที่มีรสชาติซับซ้อน เช่น ซอสเบชาเมล (Bechamel Sauce), ซอสฮอลแลนเดซ (Hollandaise Sauce), ซอสเวอลูเต (Velouté Sauce) และอื่นๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการปรุงอาหารหลากหลายเมนู อีกทั้งยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับเมนูอาหารฟิวชันสมัยใหม่อีกด้วย

• น้ำมันมะกอก vs. เนยและไขมันสัตว์

เมื่อกล่าวถึง “ไขมัน” ที่ใช้ปรุงอาหารประเทศแถบยุโรปใต้ (เมดิเตอร์เรเนียน) มักใช้น้ำมันมะกอกเป็นหลัก ส่วนประเทศแถบยุโรปเหนือจะนิยมใช้เนยและไขมันสัตว์เพื่อปรุงอาหารมากกว่า 

• โครงสร้าง “คอร์ส” มื้ออาหาร

หลายคนที่เคยทานอาหารที่ร้านอาหารหรู หรือร้านอาหารฝรั่งเศส อาจคุ้นเคยกับการจัดประเภทมื้ออาหารออกเป็นคอร์ส คือ เมนูเรียกน้ำย่อย (Starter), จานหลักพร้อมเครื่องเคียง (Main Course) และของหวาน (Dessert) เป็นรูปแบบการเสิร์ฟอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส และได้กลายเป็นวัฒนธรรมสากลด้านอาหารในปัจจุบัน

เนื่องจากความแตกต่างทางด้านภูมิศาสตร์ของแต่ละภูมิภาคในยุโรป ทำให้ยุโรปตะวันตก  ยุโรปใต้ ยุโรปเหนือ และยุโรปตะวันออกล้วนมีวัฒนธรรมอาหารเป็นของตนเอง ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ไปจนรสชาติการปรุงอาหารเลยทีเดียว โดยแต่ละภูมิภาคมีจุดเด่นที่สำคัญ ดังนี้

1. ยุโรปตะวันตก

ประเทศในแถบยุโรปตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เบลเยียม และสหราชอาณาจักรมักเน้นปรุงอาหารด้วยรสชาติที่เข้มข้นและซับซ้อน โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศสชั้นสูง (Haute Cuisine) ที่ใช้เทคนิคการปรุงที่ประณีต มีการใช้เนย ครีม และไวน์อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ เยอรมนียังมีชื่อเสียงด้านเมนูไส้กรอกและอาหารจากมันฝรั่ง ส่วนอังกฤษนั้นมักเป็นที่รู้จักจากเมนูเนื้ออบและฟิชแอนด์ชิปส์

2. ยุโรปใต้ (เมดิเตอร์เรเนียน)

ประเทศที่อยู่ใกล้บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างอิตาลี สเปน กรีซ และโปรตุเกสมักเน้นวัตถุดิบสดใหม่และเมนูอาหารที่เรียบง่าย โดยส่วนใหญ่มีการใช้น้ำมันมะกอก มะเขือเทศ กระเทียม และสมุนไพรสด ประเทศอิตาลีเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะต้นกำเนิดของพาสต้าและพิซซ่า ส่วนสเปนนั้นมีเมนูอันโดดเด่นอย่างปาเอญ่าและทาปาส อีกทั้งกรีซยังขึ้นชื่อเรื่องเฟต้าชีสและอาหารย่าง

3. ยุโรปเหนือ (สแกนดิเนเวีย)

ประเทศในแถบยุโรปเหนือไม่ว่าจะเป็น สวีเดน นอร์เวย์ หรือเดนมาร์ก มักเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้นประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียจึงเน้นวิธีการปรุงที่ถนอมอาหาร เช่น การรมควัน การดอง และการหมัก โดยมีปลาแซลมอนและปลาเฮอร์ริ่งเป็นวัตถุดิบหลักในหลายๆ เมนู รวมถึงผลิตภัณฑ์นมและขนมปังไรย์ก็ยังเป็นที่นิยมอีกด้วย 

4. ยุโรปตะวันออก

โปแลนด์ ฮังการี รัสเซีย สาธารณรัฐเช็ก พัฒนาเมนูอาหารในภูมิภาคนี้มีรสชาติเข้มข้นและอิ่มท้อง โดยมักพบเห็นการใช้ซาวร์ครีม กะหล่ำปลี บีตรูต และมันฝรั่งได้ในหลายเมนู อาหารที่มีชื่อเสียงในแถบยุโรปตะวันออก ได้แก่ สตูว์เนื้อกูลาชของฮังการี เกี๊ยวโปแลนด์ (Pierogi) และซุปบอร์ช (ซุปบีตรูต) ของรัสเซีย

ประเทศไทยในปัจจุบันมีร้านอาหารต่างประเทศที่เสิร์ฟอาหารยุโรปมากมาย ตั้งแต่ร้านอาหารอิตาเลียนที่เสิร์ฟพิซซ่าและพาสต้า ไปจนถึงร้านอาหารฝรั่งเศสที่นำเสนอรสชาติอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีร้านเบเกอรี่สไตล์ยุโรปที่เสิร์ฟขนมปังและเพสทรีแบบต้นตำรับในย่านต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่นิยม เช่น สุขุมวิท ทองหล่อ สยาม สีลม เป็นต้น กล่าวได้ว่าอาหารยุโรปถือเป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่ได้รับการยอมรับ อีกทั้งร้านอาหารหลายๆ ร้านยังได้ปรับสูตรเพื่อให้เข้ากับความชอบของคนไทย และใช้วัตถุดิบต่างๆ ที่หาได้จากแหล่งภายในประเทศ เพื่อสร้างรสชาติใหม่ๆ อีกด้วย

ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสถือเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมสากลด้านอาหารในยุโรป ด้วยความประณีตและศิลปะในการปรุงอาหารที่ได้รับการยกย่องทั่วโลก การรับประทานอาหารฝรั่งเศสเปรียบได้กับประสบการณ์ที่ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และความรื่นรมย์เข้าด้วยกัน ดังนั้น Aimée Rangsit จึงมาแนะนำเมนูจากประเทศฝรั่งเศสที่ไม่ควรพลาด ได้แก่

• Salade Niçoise (สลัดนีซัวส์) 

สลัดที่สดชื่นและมีสีสันจานนี้มีต้นกำเนิดจากเมืองนีซในแถบเฟรนช์ริเวียรา เป็นหนึ่งในเมนูคลาสสิกของอาหาร Provençal cuisine สลัดจานนี้ประกอบด้วยมะเขือเทศสด ไข่ต้ม มะกอกนีซัวส์ และปลาทูน่าคุณภาพเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดจัดวางอย่างมีศิลปะบนผักกาดหอมกรอบๆ ถือเป็นเมนูที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของวันอันแสนอบอุ่นและแสงแดดสดใสในภาคใต้ของฝรั่งเศสได้ดีเลยทีเดียว

• Escargot (เอสคาโก้) 

หอยทากบูร์กอญจานหรูที่มีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี โดยหอยทากจะถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน อบในเนยผสมกระเทียม พาร์สลีย์ และชาลอต เสิร์ฟในถาดพิเศษที่มีหลุมสำหรับวางหอยโดยเฉพาะ นิยมรับประทานร้อนๆ พร้อมขนมปังฝรั่งเศสที่ซับน้ำจากเนยที่ให้รสชาติกลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง

• Côtelettes d’Agneau Grillées (คอทเล็ทส์ ดาญโญ่ กรีเย่ส์)

เมนูนี้เป็นตัวแทนของการย่างแบบฝรั่งเศสคลาสสิกอย่างแท้จริง เนื้อแกะนุ่มละมุนที่ถูกนำมาย่างอย่างเชี่ยวชาญจนสุกพอดี รสชาติที่ละเอียดอ่อนและฉ่ำของเนื้อแกะ สามารถทานร่วมกันกับมันฝรั่งบดเนื้อเนียนนุ่ม และ เบบี้แครอทที่หวานฉ่ำ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มพอร์เชตต้ารมควันกรอบนอกนุ่มใน เพื่อสร้างสัมผัสความแตกต่างของเนื้อและกลิ่นหอมของความเข้มข้นที่อบอวล

• Croissant (ครัวซองต์)

ขนมปังอบรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรีย แต่ฝรั่งเศสพัฒนาจนเป็นเอกลักษณ์ ด้วยแป้งที่ซับซ้อนหลายชั้นที่ถูกอบอย่างพิถีพิถันจนกรอบนอกนุ่มใน หอมเนยฟุ้ง เป็นสัญลักษณ์ของอาหารเช้าฝรั่งเศสที่เชื่อว่าคนไทยต้องรู้จักกันดี ซึ่งคุณสามารถสัมผัสกับวามอร่อยคลาสสิกนี้ได้ในชุด Afternoon Tea สุดพิเศษของ Aimée Rangsit

อาหารจานเด่นจากยุโรปตะวันตก

• เยอรมนี: Schweinshaxe (ชไวน์ฮักเซอ)

ขาหมูเยอรมันขนาดยักษ์ที่มักเสิร์ฟในช่วงน้ำหนัก 1-1.5 กิโลกรัม เป็นขาหมูที่หมักกับเบียร์และเครื่องเทศ แล้วอบหรือย่างจนหนังกรอบเป็นสีทองแดง เนื้อด้านในนุ่มฉ่ำ เสิร์ฟร้อนๆ คู่กับเครื่องเคียงอย่างซาวเคราต์ (กะหล่ำปลีดอง) มันฝรั่งบดและมัสตาร์ด มักนิยมทานคู่กับเบียร์เยอรมันแก้วใหญ่

• เนเธอร์แลนด์: Stroopwafel (สตรูปวาเฟิล)

วาฟเฟิลบางกรอบสองแผ่นประกบกันด้วยไส้ไซรัปคาราเมลอันหอมหวาน เป็นเมนูที่มีต้นกำเนิดจากเมืองเกาดา (Gouda) โดยชาวดัตช์มักนิยมวางบนถ้วยกาแฟร้อนให้ไอน้ำทำให้คาราเมลละลายเล็กน้อยก่อนรับประทาน 

• เบลเยียม: Moules-Frites (มูล ฟริตส์)

หอยแมลงภู่สดจากทะเลเหนือ อบในไวน์ขาว ชาลอต พาร์สลีย์ และเนย เสิร์ฟในหม้อใหญ่พร้อมเฟรนช์ฟรายส์ทอดสองรอบสไตล์เบลเยียมที่กรอบนอกนุ่มใน และมายองเนสสำหรับจิ้ม

• สวิตเซอร์แลนด์: Cheese Fondue (ชีสฟองดู) 

เมนูต้นตำรับสวิตเซอร์แลนด์ ที่ทำจากชีสกรูแยร์ (Gruyère) และเอ็มเมนทาล (Emmental) ละลายในหม้อดินเผาพิเศษ ผสมไวน์ขาว กระเทียม และเคิร์ช (บรั่นดีเชอร์รี่) เสิร์ฟร้อนๆ ในหม้อตั้งบนเตา สามารถรับประทานโดยใช้ส้อมยาวจิ้มขนมปังเป็นลูกเต๋าตจุ่มลงในชีสร้อนๆ นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมที่ว่าหากทำขนมปังหล่น ต้องเลี้ยงไวน์ทั้งโต๊ะอาหารเลยทีเดียว

• ออสเตรีย: Wiener Schnitzel (วีเนอร์ ชนิทเซล) 

อาหารประจำชาติออสเตรีย ทำจากเนื้อลูกวัวแล่บางชุบแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง ทอดในเนยใส (Ghee) จนเป็นสีทองอร่ามจนกรอบฟู เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับมะนาวฝาน นิยมทานคู่กับสลัดมันฝรั่งอุ่น และแยมลิงกอนเบอร์รี่

อาหารจานเด่นจากยุโรปใต้ (เมดิเตอร์เรเนียน)

• อิตาลี: Pizza Margherita (พิซซ่า มาร์เกริต้า)

เมื่อพูดถึงอิตาลี คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงพิซซ่า โดยเฉพาะ “พิซซ่ามาร์การิต้า” ต้นตำรับจากเนเปิลส์ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระราชินีมาร์เกริต้าในปี 1889 โดยใช้แป้งหมักยีสต์ทำพิซซ่า ราดหน้าด้วยซอสมะเขือเทศ มอซซาเรลล่า และใบโหระพาสด พิซซ่ามาร์การิต้ายังถือเป็นพิซซ่าพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งในวงการอาหารอิตาเลียน และยังเป็นที่รู้จักในระดับสากลอีกด้วย 

• สเปน: Paella Valenciana (ปาเอญ่า วาเลนเซียน่า)

ข้าวผัดสเปนต้นตำรับจากวาเลนเซีย ทำโดยใช้ข้าวบอมบ้า (Bomba Rice) ผัดในกระทะเหล็กแบบที่เรียกว่า “ปาเอญ่า” (Paella) พร้อมเติมวัตถุดิบอย่างหญ้าฝรั่น เนื้อกระต่าย ไก่ ถั่วลิม่า ถั่วการ์โรฟอ และหอยทากบก เป็นเมนูแสนเรียบง่ายของชาวนาและคนงานในท้องถิ่นที่เน้นใช้วัตถุดิบที่หาได้จากฟาร์ม แต่ก็อุดมไปด้วยสารอาหารและรสชาติที่ซับซ้อน

• กรีซ: Moussaka (มูซากา)

อาหารประจำชาติกรีซ คัสเซอโรลอบที่มีชั้นของมะเขือม่วงทอดหรืออบ พร้อมเนื้อแกะสับผัดกับซอสมะเขือเทศสลับกันเป็นชั้นๆ อบรวมกัน ราดด้วยซอสเบชาเมล (Béchamel) เข้มข้น หากดูภายนอก อาจมีลักษณะคล้ายกับลาซานญ่า แต่เป็นการใช้ผักแทนแผ่นแป้งนั่นเอง

• โปรตุเกส: Pastéis de Nata (ปัสเตอิส เดอ นาทา)

ปัสเตอิส เดอ นาทา หรือเรียกง่านๆ ว่า “ทาร์ตไข่โปรตุเกส” ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากวัดเจโรนิมุสในลิสบอน แป้งทาร์ตกรอบสอดไส้คัสตาร์ดไข่ที่ทำจากไข่แดง ครีม และน้ำตาล มีลักษณะเด่นที่หน้าไหม้เป็นจุดๆ และมักโรยหน้าด้วยอบเชยและน้ำตาลไอซิ่ง เมนูนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโปรตุเกส เช่น มาเก๊า ฮ่องกง บราซิล และยังเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยอีกด้วย

• โครเอเชีย: Black Risotto (ริซอตโต้หมึกดำ)

ข้าวริซอตโต้ผัดกับดีปลาหมึก จนกลายเป็นสีดำที่เป็นเมนูเอกลักษณ์ประจำโครเอเชีย เสิร์ฟพร้อมปลาหมึกขนาดพอดีคำ ปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอก ไวน์ขาว กระเทียม และพาร์สลีย์ ทำให้ได้รสชาติอูมามิเข้มข้น 

อาหารจานเด่นจากยุโรปเหนือ

• เดนมาร์ก: Smørrebrød (สเมอร์เรอบรอด)

แซนด์วิชเปิดหน้าของเดนมาร์ก ทำจากขนมปังขนมปังข้าวไรย์ (Rugbrød) จัดวางท็อปปิ้งอย่างงดงาม เช่น ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแซลมอนรมควัน เนื้ออบ ไข่ ผักดอง จัดเรียงเป็นศิลปะบนจาน รับประทานด้วยมีดและส้อม ปัจจุบันจึงเป็นอาหารที่นิยมตามร้านอาหารและคาเฟ่เป็นอย่างมาก ซึ่งแต่ละร้านอาจสร้างสรรค์หน้าท็อปปิ้งและรสชาติต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

• สวีเดน: Köttbullar (เชิตต์บุลลาร์)

เมนูมีทบอลขนาดพอดีคำ ทำจากเนื้อวัวหรือผสมหมูบด ปรุงรสด้วยหอมหัวใหญ่ เครื่องเทศ และเกล็ดขนมปัง ทอดจนสีน้ำตาลทอง มักเสิร์ฟกับซอสครีม มันฝรั่งบด แยมลิงกอนเบอร์รี่ และแตงกวาดอง ซึ่งเป็นเมนูที่มีประวัติย้อนไปถึงช่วงยุคของกษัตริย์คาร์ลที่ 12 แห่งสวีเดนเลยทีเดียว

• ฟินแลนด์: Karjalanpaisti (คาร์ยาลันไพสติ)

สตูว์เนื้อแบบคาเรเลีย (Karelia) ที่ตุ๋นอย่างช้าๆ โดยใช้เนื้อวัว หมู และแกะ หั่นชิ้นใหญ่ ตุ๋นกับหอมหัวใหญ่ แครอท และเครื่องเทศในหม้อดินเผานานประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนเนื้อที่ได้นั้นนุ่มละลายในปากเลยทีเดียว เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างมันฝรั่งบดและขนมปังไรย์ (Rye Bread)

• นอร์เวย์: Fårikål (ฟอริโคล)

สตูว์เนื้อแกะและกะหล่ำปลี อาหารประจำชาตินอร์เวย์ที่เรียบง่ายแต่มีรสชาติแสนอร่อยและเข้มข้น โดยใช้เนื้อแกะติด กะหล่ำปลีขาว และมันฝรั่ง ปรุงรสด้วยพริกไทยดำเม็ดและเกลือตุ๋นในหม้อนาน 2-3 ชั่วโมงจนเนื้อเปื่อยนุ่ม มักเสิร์ฟกับมันฝรั่งบดและขนมปัง

• ไอซ์แลนด์: Kjötsúpa (เคียตซูปา)

ซุปเนื้อแกะแบบดั้งเดิมของไอซ์แลนด์ โดยใช้เนื้อแกะคุณภาพดีตุ๋นกับผักรากหลากชนิด พร้อมกับมันฝรั่ง แครอท รูตาบากา กะหล่ำปลี และข้าวบาร์เลย์ ปรุงรสด้วยไทม์และสมุนไพรท้องถิ่น เป็นเมนูที่นิยมสำหรับช่วงฤดูหนาวเป็นอย่างมาก

อาหารจานเด่นจากยุโรปตะวันออก

• โปแลนด์: Pierogi (ปีแยรอกี) 

ปีแยรอกี คือ “เกี๊ยว” รูปครึ่งวงกลมของโปแลนด์ ทำจากเป็นนุ่ม ห่อไส้หลากหลายแบบทั้งคาวและหวาน โดนไส้ที่นิยมที่สุดคือไส้มันฝรั่งผสมชีสควาร์ก (Pierogi Ruskie) นอกจากนี้ยังมีไส้เนื้อ กะหล่ำปลีดอง เห็ด หรือผลไม้ ต้มหรือทอดแล้วเสิร์ฟกับซาวร์ครีม หอมเจียว และเบคอนกรอบ

• ฮังการี: Goulash (กูลาช)

ซุปสตูว์เนื้อที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 โดยใช้เนื้อวัวหั่นเต๋ามาตุ๋น ปรุงรสด้วยหอมหัวใหญ่และปาปริก้าฮังการี มะเขือเทศ พริกหวาน และมันฝรั่ง เคี่ยวจนข้นเข้มข้น เสิร์ฟร้อนๆ กับขนมปังหรือพาสต้า เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและให้ความอบอุ่น ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบไปตามแต่ละพื้นที่ เช่น ในออสเตรียมี Gulaschsuppe (ซุปกูลาช) ที่อาจเสิร์ฟคู่กับเกี๊ยว ส่วนในเยอรมนีอาจมีการเพิ่มเมล็ดยี่หร่าและซาวร์ครีมเข้าไปในสตูว์ด้วย

• สาธารณรัฐเช็ก: Svíčková (สวิชโควา)

หนึ่งในอาหารพื้นเมืองของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมนูเนื้อสันนอกวัว (Tenderloin) หมักในน้ำส้มสายชูกับผักราก อบจนนุ่ม เสิร์ฟในซอสครีมผักรากข้นหอม ราดหน้าด้วยวิปครีม แครนเบอร์รี่ และมะนาวฝาน นิยมรับประทานคู่กับคเนดลิกี้ (ขนมปังนึ่ง)

• รัสเซีย: Beef Stroganoff (บีฟ สโตรกานอฟ)

เนื้อสันในวัวหั่นเส้นผัดกับหอมหัวใหญ่และเห็ด ราดซอสซาวร์ครีมข้นที่ผสมมัสตาร์ดและไวน์ขาว มักเสิร์ฟบนข้าวหรือพาสต้า เป็นเมนูยอดนิยมที่มีมีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 19 จากตระกูลสโตรกานอฟ 

• โรมาเนีย: Sarmale (ซาร์มาเล) 

ใบกะหล่ำปลีดองห่อไส้เนื้อหมูสับผสมข้าว หอมหัวใหญ่ และเครื่องเทศ วางซ้อนในหม้อสลับกับเบคอนรมควัน ตุ๋นในซอสมะเขือเทศหลายชั่วโมง เสิร์ฟกับซาวร์ครีมและขนมปังข้าวโพด

จากเมนูอันหลากหลายที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าอาหารยุโรป ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารที่รับประทานเพื่อความอิ่มท้องเท่านั้น แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละภูมิภาค ตั้งแต่ความประณีตของอาหารฝรั่งเศส ความเรียบง่ายแต่มีรสชาติของอาหารอิตาเลียน ไปจนถึงความอบอุ่นของอาหารยุโรปตะวันออก ทุกจานล้วนเล่าเรื่องราวของผู้คนและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

การได้ลิ้มรสอาหารยุโรปแท้ๆ จึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่การเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรับประทานอาหารแบบหลายคอร์สท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกในร้านอาหารหรู หรือการลิ้มลองสตรีทฟู้ดในประเทศนั้นๆ ทุกประสบการณ์ล้วนมีเสน่ห์และความพิเศษในตัวเอง

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ร้านอาหารฝรั่งเศสในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง Aimée Petit Bistro ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต พร้อมต้อนรับคุณด้วยเมนูอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัย

ไม่ว่าคุณต้องการลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกผสมผสานกับกลิ่นอายความร่วมสมัย หรือกำลังหรือค้นหาร้านอาหารฉลองวันเกิดแฟน ฉลองครบรอบ หรือร้านอาหารรังสิตสำหรับโอกาสพิเศษอื่นๆ ที่ เอเม่ เพอทิท บิสโทร พร้อมต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและบริการที่เป็นเลิศ เพื่อให้ทุกท่านรู้สึกว่า “เป็นที่รัก” หรือ “Aimée” อย่างแท้จริง

สำรองที่นั่ง

ติดต่อ Aimée Petit Bistro

114 ถนนพหลโยธิน ประชาธิปัตย์ ธัญบุรี 12130 ปทุมธานี ประเทศไทย

โทร.: 02-520-2525, 02-520-2526

อีเมล: HB346-RE2@accor.com 

LINE OA: https://lin.ee/fpwEJ9sb (@novotelfuturepark)

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 13:00-14:30 น. และ 17:30-22:00 น.